"Passive Income" เป็นรายได้ที่หลายคนอยากมีใช่มั้ยล่ะครับ ใครล่ะจะไม่อยากมี ? รายได้ที่เข้ากระเป๋าเป็นประจำตลอดทุกเดือนนอกเหนือเงินเดือนจากงานประจำที่ทำอยู่ เรียกได้ว่ายิ่งมี Passive Income เยอะ ความมั่นคงในชีวิตยิ่งมากเป็นเงาตามตัว แถมยังไม่มีการเกษียณอีกต่างหาก ... รายได้ในฝันจริงๆ 

ดังนั้น การจะหา Passive Income ด้วยการซื้อคอนโดมาปล่อยเช่าก็ดูจะเป็นทางที่น่าสนใจไม่น้อยเลยล่ะครับ เพราะที่อยู่อาศัยเป็นปัจจัย 4 ถือเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตที่ทุกคนต้องมี แต่การปล่อยเช่าคอนโดเนี่ยใช่ว่าจะมีแต่ข้อดีนะครับ เพราะมันก็มีสิ่งที่ต้องระวังและคิดให้รอบคอบก่อนตัดสินใจด้วย 

วันนี้ผมจะมาลิสต์ให้ดูเป็นข้อๆ เลยครับ ว่ามีประเด็นใดบ้างที่ต้องคิดให้ดี ก่อนตัดสินใจลงทุนปล่อยเช่าคอนโด เพื่อไม่ให้ฝันดีกลายเป็นฝันร้ายที่ไม่อยากพบเจอ

ลูกค้านิสัยแย่ อาจทำให้ปวดหัว

ปกติแล้วการที่มีลูกค้ามาเช่าคอนโดของเราเนี่ยก็ต้องถือเป็นเรื่องดีใช่มั้ยล่ะ แต่มันคงไม่ดีแน่ถ้าลูกค้าคนนั้นมีพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ติดตัวมาด้วย อย่างการทำข้าวของเสียหาย ไม่ทำความสะอาด ไม่ดูแลรักษาของในห้องเรา หรือจ่ายเงินไม่ตรงเวลาเมื่อถึงกำหนดชำระ นั่นจึงอาจทำให้จากเรื่องดีๆ ของการที่มีคนเช่าห้อง กลายเป็นเรื่องร้ายๆ ที่ต้องเจอคนเช่าแย่ๆ ได้เลยล่ะครับ 

คิดเผื่อตอนไม่มีคนเช่าด้วย 

แน่นอนว่าการปล่อยเช่าคอนโด จะได้เงินก็ต่อเมื่อมีคนเช่าถูกมั้ยครับ แต่ถ้าไม่มีคนเช่าล่ะ ... ไหวมั้ย ? ต้องอย่าลืมคิดถึงประเด็นนี้ด้วยนะครับ เพราะถึงแม้จะไม่มีคนเช่าแต่เราก็ยังต้องจ่ายค่างวดกับทางแบงค์อยู่ทุกเดือนอยู่ดี เพราะงั้นถ้าสภาพคล่องทางการเงินยังไม่ดีพอ ถึงขนาดที่ว่าถ้าไม่มีคนเช่าแล้วจ่ายไม่ไหวเนี่ย ก็ควรรอก่อนหรือลงทุนทางอื่นดีกว่าครับ ปลอดภัยกว่า 

ค่าใช้จ่ายแฝงมากมายรออยู่

ใครที่กำลังคิดว่า ค่าใช้จ่ายในการซื้อคอนโดมาปล่อยเช่านั้นมีแค่เงินดาวน์กับค่างวดในแต่ละเดือนแล้วล่ะก็ หยุดความคิดไว้ก่อนเลยนะครับ เพราะจริงๆ แล้วมันยังมีค่าใช้จ่ายในส่วนอื่นอีกมากโขเลยครับ เช่น ค่าส่วนกลางคอนโด ค่าซ่อมแซมในกรณีห้องชำรุด ค่าติดตั้งแอร์ ทีวี อินเตอร์เน็ต และอีกมากมายเพื่อทำให้ห้องพร้อมอยู่ ... เห็นมั้ย นี่แค่ตัวอย่างนะ จริงๆ ยังมีอีกเยอะ

คำนวณเงินไม่ดี มีสิทธิเจ๊ง 

จากสองข้อข้างบนที่เพิ่งกล่าวไป ก็จะนำมาสู่ประเด็นนี้เลยครับ เพราะถ้าเราคำนวณเงินไม่ดีอาจทำให้ผ่อนต่อไม่ไหว สุดท้ายก็ต้องปล่อยให้ธนาคารยึดไป แทนที่จะเป็น Passive Income เผลอๆ จะได้หนี้ก้อนโตมาแทนด้วยซ้ำ เพราะงั้นก่อนซื้อคอนโดมาปล่อยเช่า คำนวณให้ดีครับว่ามีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ เงินสำรองก็ต้องมีเผื่อฉุกเฉินหรือไม่มีคนเช่า วางแผนให้รัดกุมครับ ป้องกันความผิดพลาด

คู่แข่งยิ่งมาก ลูกค้ายิ่ง(เหลือ)น้อย

ในปัจจุบันต้องบอกว่าวงการปล่อยเช่านี่มีผู้เล่นเยอะมากครับ ไปโครงการไหนก็ต้องมีปล่อยเช่าให้เห็นทุกที่ไป ซึ่งการที่มีผู้ให้เช่ามากขึ้นนั้น จะส่งผลเสียต่อเรานะครับ เพราะเมื่อตัวเลือกยิ่งเยอะ โอกาสที่เขาจะเลือกเช่าห้องเราก็ยิ่งน้อยลงไปเรื่อยๆ ซ้ำร้ายกว่านั้นคือเราก็ต้องเสียเงินตกแต่งห้องเพิ่มเพื่อให้ห้องโดดเด่นกว่าของคนอื่นอีก ... ไม่ได้สบายเลยวงการนี้ 

ทำเลเป็นสิ่งสำคัญมาก

ไม่ว่าจะเช่าหรือซื้อ เรื่องทำเลก็ยังเป็นสิ่งสำคัญเสมอล่ะครับ ยิ่งทำเลดียิ่งเรียกค่าเช่าได้สูง แถมยังปล่อยเช่าง่ายอีกด้วย อย่างคอนโดแถวสยาม สีลม สุขุมวิท หรือคอนโดติดรถไฟฟ้าทั้งหลายถือเป็นคอนโดทำเลดีทั้งหมด เพราะเดินทางสะดวกและอยู่กลางเมือง ดังนั้น ถ้าเป้าหมายคือซื้อคอนโดมาเพื่อปล่อยเช่า ก็หาแบบที่อยู่ในทำเลดีๆ ดีกว่าครับ 

ความมั่นคงของโครงการก็ต้องดู

อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่มองข้ามไม่ได้เลยหากคิดจะซื้อคอนโดมาปล่อยเช่า นั่นก็คือชื่อเสียงของโครงการครับ เพราะว่าชื่อเสียงของโครงการนั้นๆ อาจเป็นปัจจัยที่ทำให้ผู้เช่าตัดสินใจเลือกได้เลย อย่างถ้ามีให้เลือกสองที่ ผู้เช่าก็มักเลือกคอนโดที่ชื่อเสียงดีกว่าเสมอ ลองคิดว่าเป็นตัวเองก็ได้ครับ แบรนด์ที่มีแต่เสียงบ่น กับแบรนด์ที่มีแต่คนชม เพื่อนๆ อยากเช่าห้องไหนล่ะครับ ?    

ประเมิณการเติบโตของที่ดินให้ดี 

ประเด็นนี้ก็สำคัญไม่แพ้กันครับในการเลือกซื้อคอนโดสักแห่งไว้ปล่อยเช่า เราต้องประเมิณความเจริญของเมืองในระแวกนั้นด้วยครับว่ามีศักยภาพในการเติบโตมากเพียงใด อาจประเมิณจากข่าวของรัฐบาลว่าจะมีโครงการรถไฟฟ้าผ่านหรือเปล่า มีห้างใหญ่กำลังจะเกิดขึ้นระแวกนั้นหรือเปล่า หรือมีชาวต่างชาติอาศัยอยู่หนาแน่นเพียงใด ถ้าเราวิเคราะห์ให้ดีก็จะทำให้ได้เปรียบคนอื่นหลายก้าวเลยครับ

Passive Income ใครๆ ก็อยากได้ครับ แต่อย่าเพิ่งหน้ามืดตามัว เพราะสิ่งสำคัญพอๆ กันก็คือการวิเคราะห์ให้รอบด้านก่อนตัดสินใจทำการใหญ่ หากเกิดความผิดพลาดขึ้นมาล่ะก็มันไม่คุ้มเลยครับ เงินก็ไม่ได้ แถมยังอาจต้องเป็นหนี้ท่วมหัวอีกต่างหาก ดังนั้น วิเคราะห์และประเมิณให้ดีก่อนแล้วก็ลุยเลยครับ อนาคตสดใสแน่นอน